ประโยชน์ของความยืดหยุ่นความรู้เกี่ยวกับความยืดหยุ่นนับเป็นหัวใจสำคัญในการศึกษาหลักเศรษฐศาสตร์ ผู้ที่จะสามารถเข้าใจปัญหาทางเศรษฐกิจต่างๆ ได้ จำเป็นต้องมีความรู้ในเรื่องของความยืดหยุ่นเป็นอย่างดี ชนิดของความยืดหยุ่นที่สำคัญและมีประโยชน์มากก็คือ ความยืดหยุ่นต่อราคา (price elasticity) ความยืดหยุ่นต่อราคาใช้วิเคราะห์ปัญหาเศรษฐกิจต่างๆ ดังตัวอย่างต่อไปนี้ 1. ในการวิเคราะห์ปัญหาการเก็บภาษีและการผลักภาระภาษี เช่น การเก็บภาษีการค้าจากสินค้าที่ผลิตภายในประเทศ ซึ่งมีค่าความยืดหยุ่นของอุปสงค์เป็นแบบ elastic ผลของราคาสินค้าที่สูงขึ้นอาจทำให้ผู้ซื้อลดการซื้อสินค้าสินค้าชนิดนั้นลงอย่างมาก ทำให้รายรับรวมของผู้ขายลดลงขณะเดียวกันรัฐบาลเก็บภาษีได้น้อย กรณีเช่นนี้ภาระภาษีส่วนใหญ่จะตกอยู่กับผู้ขาย ตรงกันข้ามถ้าอุปสงค์ของสินค้ามีค่าความยืนหยุ่นต่ำ (inelastic) ภาระภาษีส่วนใหญ่จะตกอยู่กับผู้บริโภค เพราะในกรณีนี้ราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการเก็บภาษีจะไม่มีผลมากนักในการลดจำนวนซื้อของผู้บริโภค การวิเคราะห์ดังกล่าวใช้ได้กับการเก็บภาษีทุกประเทศ เช่น ภาษีขาเข้า ภาษีสรรพสามิต ภาษีเงินได้ และภาษีบริษัทธุรกิจ 2. ในการวิเคราะห์ปัญหาเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ และอุปทานจำเป็นอย่างมากในการศึกษาผลของการเพิ่มหรือลดค่าของเงินที่มีต่อสินค้าเข้า สินค้าออก อัตราการค้า และดุลการชำระเงิน 3. ในการวิเคราะห์ปัญหาเกี่ยวกับการกำหนดราคาขั้นสูง เช่น การกำหนดอัตราค่าเช่าขั้นสูง การกำหนดอัตราดอกเบี้ยขั้นสูง เป็นต้น ก่อนจะตัดสินใจใช้มาตรการเหล่านี้ รัฐบาลจะต้องศึกษาความยืดหยุ่นของอุปสงค์และอุปทานต่อราคา มิฉะนั้นการประกาศใช้มาตรการเหล่านี้อาจไม่บังเกิดผลหรืออาจเป็นผลเสียมากกว่าผลดี 4. ในการวิเคราะห์ปัญหาเกี่ยวกับการประกันราคาขั้นต่ำ ตัวอย่าง ได้แก่ การประกันราคาขั้นต่ำสำหรับพืชผลทางเกษตร ภาระการประกันราคาขั้นต่ำของรัฐบาลจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับความยืดหยุ่นของเส้นอุปสงค์ นอกจากนี้ยังใช้วิเคราะห์เกี่ยวกับปัญหาการนัดหยุดงาน (strike) เพื่อเรียกร้องค่าจ้างแรงงานให้สูงขึ้นเราต้องคำนึงถึงผลสืบเนื่อง ค่าจ้างแรงงานที่สูงขึ้นอาจทำให้ผู้บริโภคต้องซื้อสินค้าในราคาสูงขึ้นเนื่องจากต้นทุนและราคาขายสูงขึ้น ถ้าอุปสงค์ของสินค้านั้นมีความยืดหยุ่นสูง (elastic) ปริมาณซื้ออาจลดลงอย่างมาก และในที่สุดคนงานบางส่วนอาจต้องถูกออกจากงาน 5. ในการวิเคราะห์การกำหนดราคาขายที่แตกต่างกัน (price discrimination) การกำหนดราคาขายที่แตกต่างกันสำหรับสินค้าชนิดเดียวกันในตลาด 2 แห่ง จะเป็นไปได้ต่อเมื่ออุปสงค์มีความยืดหยุ่นต่างกัน 6. ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ มีอิทธิพลยิ่งในการกำหนดราคาสำหรับกิจการสาธารณูปโภค เช่น การผลิตไฟฟ้า เป็นต้น อุปสงค์ของไฟฟ้าตามบ้านเรือนจะมีความยืดหยุ่นต่ำ เพราะหาสิ่งอื่นใช้ทดแทนไฟฟ้าได้ยากมาก แต่อุปสงค์ของไฟฟ้าตามวงการธุรกิจและอุตสาหกรรมจะมีความยืดหยุ่นสูงกว่าครัวเรือนเพราะอาจใช้พลังงานอื่นๆ แทนไฟฟ้าได้ เช่น ถ่านหิน กำลังน้ำ และน้ำมัน เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ในบางประเทศจึงมีการเก็บไฟฟ้าจากผู้ใช้ตามบ้านในราคาสูงกว่าที่เก็บจากธุรกิจและโรงงานอุตสาหกรรม
นางสาวรัตนาภรณ์ มาทอง เอกคอมพิวเตอร์ เลขที่12